ตำรวจ เข้าจับกุมตัว สองหนุ่ม หลังเอาทองไปขาย อ้างเก็บทองตกบนถนน ตำรวจสั่งสอบเกี่ยวข้องกับเหตุ ปล้นทองโคราช หรือไม่ โดยนาย ภูไท เล่าว่า เก็บสร้อยคำทองคำทั้ง 2 เส้น ได้ที่บริเวณถนนเลียบนคร เมื่อเวลา 14.00 น.วันที่ 12 เมษายน ก่อนนำมาเก็บไว้กับตัวที่บ้านพักที่บ้าน อ.พระทองคำ ห่างจากตัวเมือง 70 กิโลเมตร
จากนั้นได้ติดต่อ นายจักรกฤษณ์ ซึ่งเป็น เพื่อนร่วมงาน
นำสร้อยทองไปเสนอขายให้ชาวบ้าน ราคาเส้นละ 60,000 บาท ถูกกว่าราคาท้องตลาดที่ตกราคาเส้นละ 93,000 บาท ชาวบ้านเห็นพิรุธจึงแจ้งตำรวจมาตรวจสอบ จากนั้นได้ประสานกับผู้จัดการร้านทองเยาวราช กรุงเทพ สาขาห้างโลตัสโคราช ที่เกิดเหตุถูกโจรจี้ชิงทอง มาตรวจสอบ ปรากฎว่า เป็นสร้อยทอง สภาพใหม่เอี่ยม มีตราโลโก้สัญลักษณ์ตรงกับทองรูปพรรณของทางร้านที่ถูกคนร้ายจี้ชิงทองไป
มั่นใจว่า คนร้ายซึ่งขี่รถจักรยานยนต์หอบสร้อยทอง 1 ถาด ทำตกไว้ระหว่างหลบหนี ตรงตามหลักฐานเส้นทางที่คนร้ายหลบหนีไปตามถนนเลียบนคร มุ่งหน้า ต.บ้านใหม่ อ.เมือง จังหวัดนครราชสีมา และช่วงเวลาที่เก็บได้ก็ตรงกับช่วงเวลาที่คนร้ายหลบหนีพอดี
อย่างไรก็ตาม ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมด้วยชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา และ สภ.เมืองนครราชสีมา ได้เข้าจับกุมตัว นายกิตติพงษ์ แพไธสง หรือเบส ชายอายุ 28 ปี ผู้ต้องหาที่ลงมือก่อเหตุปล้นทองกลางห้างในโคราช ได้แล้วเมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา เจ้าหน้าที่ตำรวจ สภ.พระทองคำ จ.นครราชสีมา ได้เข้าจับกุมนาย ภูไท ชายอายุ 32 ปี และ นายจักรกฤษณ์ อายุ 49 ปี หลังจากที่ตำรวจพบว่านายภูไท มีทองสร้อยคำทองคำน้ำหนัก 3 บาท จำนวน 2 เส้น รวมน้ำหนัก 6 บาท เบื้องต้นยังไม่ทราบว่าเกี่ยวข้องกับเหตุ คดีปล้นร้านทองโคราช หรือไม่
เจ้าหน้าที่ตำรวจสามารถจับกุม เบส คนร้ายที่ก่อเหตุอุกอาจ ปล้นร้านทองโคราช กลางห้างดัง รับตกงาน ไม่มีเงินใช้ ชุดสืบสวนตำรวจภูธรภาค 3 พร้อมด้วยชุดสืบสวนตำรวจภูธรจังหวัดนครราชสีมา และ สภ.เมืองนครราชสีมา ได้เข้าจับกุมตัว นายกิตติพงษ์ แพไธสง หรือเบส ชายอายุ 28 ปี ผู้ต้องหาที่ลงมือก่อเหตุปล้นทองกลางห้างในโคราช ก่อนจะคว้าทองหนึ่งถาดมูลค่า 153 บาท
โดยเจ้าหน้าที่สามารถควบคุมตัวได้ที่ เมืองพัทยา จังหวัดชลบุรี เมื่อช่วงเช้ามืดที่ผ่านมา ขณะนี้อยู่ระหว่างควบคุมตัวกลับมาสอบสวนที่จังหวัดนครราชสีมา และ ติดตามของกลางบางส่วน พร้อมติดตามทองคำรูปพรรณของกลางที่ได้จากการชิงทรัพย์ ซึ่งขณะนี้พบทองบางส่วนแล้ว ที่บ้านพักในจังหวัดนครราชสีมา ซึ่งเจ้าตัวให้การสารภาพว่า ตกงาน ไม่มีเงินใช้จ่าย จึงเป็นเหตุให้ก่อเหตุดังกล่าวขึ้นมา
สำหรับนายกิตติพงษ์ หรือ เบส อายุ 28 ปี พบประวัติอาชญากรรรม เคยถูกตำรวจปราบปรามยาเสพติด จับกุมตามหมายจับที่ 125/2559 พร้อมพวกรวม 7 คน เมื่อวันที่ 8 มีนาคม 2559 เหตุเกิด ถนนวิภาวดีรังสิต ต.ตลาดบางเขน เขตหลักสี่ กรุงเทพฯ พฤติการณ์มีการส่งมอบไอซ์ 11 กิโลกรัม และยาบ้า 6,000 เม็ด
ตำรวจพบเห็นนายกิตติพงษ์ ขับรถเก๋งนิสสัน มาวางยาเสพติด ส่งให้กับพวก ตำรวจแสดงตัวเข้าจับกุม ยึดของกลาง และขยายผลจับกุมผู้ต้องหาทั้งหมด 7 คน โดยนายกิตติพงษ์ ถูกแจ้งข้อหาครอบครองยาเสพติดเพื่อจำหน่ายซึ่งเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 1 ถูกจำคุกก่อนพ้นโทษออกมา กระทั่งมาก่อเหตุจี้ชิงทองดังกล่าว
ทนายตั้ม ตามจี้คดีรองหัวหน้าพรรค เชื่อเหยื่อเกินสิบ 5 – 6 คน ถูกข่มขืน
ทนายตั้ม ติดตามความคืบหน้าคดี รองหัวหน้าพรรค ที่ สน.ลุมพินี พบมีผู้เสียหายที่เคยตกเป็นเหยื่อ นักการเมือง อีกหลายราย เตรียมเข้ามาให้ข้อมูลเพิ่มกับตน “ทนายตั้ม” นายษิทรา เบี้ยบังเกิด เลขาธิการมูลนิธิทีมงานทนายประชาชนฯ หรือทนายตั้ม ได้เดินทางมาที่ สน.ลุมพินี เมื่อเวลา 14.00 น. วันที่ 14 เม.ย.ที่ผ่านมา เพื่อติดตามสอบถามความคืบหน้าทางคดีของนักศึกษาสาว หลังจากถูกรองหัวหน้าพรรคใหญ่ลวงไปร้านอาหารแห่งหนึ่งในย่านสุขุมวิท จากนั้นได้กระทำการลวนลามนักศึกษาสาว
ทนายษิทรา เปิดเผยว่า วันนี้ตนมาติดตามเรื่องคดีน้องนักศึกษา อายุ 18 ปี ที่เหตุเกิด เมื่อวันที่ 11 เม.ย. เวลาประมาณ 17.00-20.00 น. โดยหลังจากได้พูดคุยกับน้องผู้เสียหายและคุณแม่ ทราบว่าทั้งคู่ไม่ได้มีความขัดแย้งอะไรกับทางพรรคผู้ก่อเหตุเลย เพราะคุณแม่ของน้องผู้เสียหาย เป็นแฟนตัวยงของพรรคดังกล่าวจริงๆ และด้วยความที่เห็นว่ารองหัวหน้าพรรคคนนี้พูดจาดี และเป็นคนดี พอเกิดเหตุการณ์ดังกล่าวกับลูกสาว จึงเสียความรู้สึกอย่างมาก จึงตัดสินใจมาพบตน ตามที่ตนได้เปิดเผยไป
สำหรับพฤติกรรมก่อนก่อเหตุนั้น ผู้ต้องหาก็มีการจีบ พูดคุยทำนองชู้สาว ชวนคุยแต่เรื่องใต้สะดือ ซึ่งเหยื่อของผู้ต้องหารายนี้ส่วนมากอายุ 18 ปี ทั้งนั้น ทนายษิทรา ยังเผยอีกว่า หลังจากที่ตนไลฟ์สดจบเมื่อช่วงเที่ยงที่ผ่านมา ปรากฏว่ามีผู้เสียหายทักไลน์ตนมาอีก 3 ราย และเป็นเหยื่อทั้งหมด โดยพบว่ามีหญิงสาวรายหนึ่ง เป็นคนในพรรคเดียวกับผู้ก่อเหตุ ขณะนี้อยู่จังหวัดราชบุรี และกำลังเดินทางขึ้นมาที่กรุงเทพฯ เพื่อพูดคุยกับตนก่อน
ทนายตั้ม ยังขอฝากสื่อมวลชนไปถามตัวผู้ก่อเหตุว่า ได้มีการพยายามทักไปขอโทษคุณแม่และคุณลุงน้องผู้เสียหายหรือไม่ ทักไปทำไม หากรองหัวหน้าพรรครายนี้ไม่กลัวความผิด
นอกจากนี้ เชื่อว่ามีเหยื่อรวมแล้วเกิน 10 ราย ในนี้ถูกข่มขืนไม่ต่ำกว่า 5-6 คน โดยมีพฤติกรรมในลักษณะนี้มาตั้งแต่ปี 2556 และล่าสุดก็มีเหตุเกิดเมื่อปีก่อน ทำให้ต้องหนีไปต่างประเทศ หรือเป็นโรคซึมเศร้า ซึ่งทราบว่าสถานที่ในการก่อเหตุนั้น จะใช้ร้านอาหารแห่งนี้นัดพบหลายครั้ง
Credit : แนะนำสถานที่ท่องเที่ยว | แต่งบ้านและสวน | พระเครื่อง | รีวิวกล้องถ่ายรูป